วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

ริบบิ้นสีฟ้า

>ริบบิ้นสีฟ้ามีความรู้สึกดีๆ มาให้
>>>ครูคนหนึ่งที่นิวยอร์คตกลงใจจะแสดงความชื่นชมนักเรียนไฮสคูล
>ชั้นปีสุดท้ายที่เธอสอน
>ด้วยการบอกเขาเหล่านั้นว่าแต่ละคนมีคุณค่าพิเศษต่างจากคนอื่นอย่างไรบ้าง
>เธอเรียกนักเรียนทุกคนไปหน้าชั้นทีละคน
>>แรกสุดเธอบอกแต่ละคนว่า...พวกเขามีคุณค่าเพียงใด
>ทั้งต่อตัวครูและต่อเพื่อนร่วมห้อง
>จากนั้นเธอก็มอบริบบิ้นสีฟ้าพิมพ์ด้วยตัวหนังสือสีทองเป็นของขวัญให้
>ข้อความบนริบบิ้นมีว่า..."ฉันเป็นคนมีคุณค่า"
>>>จากนั้นครูให้นักเรียนทำงานกลุ่มของชั้นขึ้นมาชิ้นหนึ่ง
>ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อดูว่าการแสดงความชื่นชมยกย่องผู้อื่นส่งผลอย่างไรต่อคนในชุมชน
>>>เธอมอบริบบิ้นแก่นักเรียนคนละสามเส้น
>ให้นักเรียนเผยแพร่การรับรู้และชื่นชมคุณค่าผู้อื่นในวงกว้างออกไป
>จากนั้นนักเรียนจะต้องติดตามผลและดูว่าใครยกย่องใครบ้าง
>แล้วนำกลับมารายงานในห้องภายในหนึ่งสัปดาห์
>>>นักเรียนชายคนหนึ่งเข้าพบผู้บริหารระดับรองที่ทำงานในบริษัทใกล้ๆ
>เพื่อยกย่องที่ชายผู้นี้เคยช่วยเขาวางแผนอาชีพในอนาคต
>แล้วมอบริบบิ้นติดให้บนเสื้อเชิ้ต
>>>จากนั้นก็มอบริบบิ้นอีกสองเส้นที่เหลือพร้อมกับกล่าวว่า....
>"เรากำลังทำงานกลุ่มของชั้นเรียนเกี่ยวกับเรื่องการแสดงความยกย่องชื่นชมผู้อื่นครับ
>ผมอยากขอให้คุณช่วยหาใครสักคนที่คุณต้องการยกย่อง
>แล้วให้ริบบิ้นเขาส่วนอีกเส้นก็ให้เขาไว้สำหรับมอบให้คนต่อไป
>เพื่อเผยแพร่การยกย่องชื่นชมนี้ให้กระจายต่อไป
>แล้วช่วยกลับมาบอกผมด้วยครับว่าผลเป็นยังไงบ้าง"
>>>ต่อมาในวันเดียวกันผู้บริหารท่านนี้เเข้าพบเจ้านายเขา
>ซึ่งเป็นคนที่ใครๆรู้กันดีว่าเกรี้ยวกราดอารมณ์ร้าย
>เขานั่งลงคุยกับเจ้านายบอกเจ้านายว่า... ลึกๆ
>เขายกย่องชื่นชมเจ้านาย
>ว่าเป็นผู้มีหัวคิดสร้างสรรค์ระดับอัจฉริยะ
>>ดูเหมือนเจ้านายเขาจะประหลาดใจอย่างยิ่ง
>เขาถามเจ้านายว่าจะยินดีรับริบบิ้นสีฟ้าเป็นของขวัญแสดงความชื่นชม
>และอนุญาตให้เขาติดริบบิ้นให้ได้หรือไม่
>เจ้านายผู้ประหลาดใจตอบว่าได้
>>>เขาจึงติดริบบิ้นสีฟ้าเส้นนั้นบนปกเสื้อนอกบริเวณเหนือหัวใจ
>เมื่อเขามอบริบบิ้นเส้นสุดท้ายแก่เจ้านายเขาบอกเจ้านายว่า...
>ช่วยอะไรผมสักอย่างได้ไหมครับ
>ผมอยากให้เจ้านายช่วยส่งต่อริบบิ้นเส้นสุดท้ายนี้
>ด้วยการยกย่องชื่นชมใครสักคนพ่อหนุ่มที่ให้ริบบิ้นผมมาเป็นคนแรก
>กำลังทำงานกลุ่มของชั้นอยู่
>เขาอยากให้ช่วยกระจายการยกย่องชื่นชมนี้ให้เผยแพร่ในวงกว้างออกไป
>แล้วดูว่าการทำแบบนี้ส่งผลต่อใครๆยังไงบ้าง
>>>>ค่ำวันนั้นชายผู้เป็นเจ้านายกลับบ้านไปหาลูกชายวัยรุ่นอายุสิบสี่
>เขาเรียกลูกชายให้นั่งลงแล้วกล่าวว่า
>วันนี้เกิดเรื่องเหลือเชื่อที่สุดกับพ่อตอนอยู่ห้องทำงาน
>ลูกน้องคนหนึ่งเข้ามาบอกว่าเขาชื่นชมพ่อ
>แล้วให้ริบบิ้นเส้นหนึ่งเป็นการยกย่องว่าพ่อเป็นอัจริยะ
>เรื่องความมีหัวคิดสร้างสรรค์
>>ลองนึกดูเขาคิดว่าพ่อมีหัวคิดสร้างสรรค์เข้าขั้นอัจฉริยะเชียวนะ
>แล้วเขาก็เอาริบบิ้นเส้นนี้ที่เขียนว่าฉันเป็นคนมีคุณค่า
>ติดให้บนปกเสื้อนอกตรงหัวใจนี่แล้วยังให้ริบบิ้นพ่อมาอีกเส้น
>ให้พ่อมองหาใครสักคนที่จะยกย่องชื่นชมต่อ...
>>ระหว่างที่พ่อขับรถกลับบ้านก็คิดว่าริบบิ้นเส้นนี้จะให้ใครดี
>แล้วพ่อก็นึกถึงแกพ่ออยากชื่นชมแกนะ วันๆพ่อทำงานยุ่งเหยิงมาก
>พอกลับมาบ้านก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจแกสักเท่าไร
>>บางทียังอาละวาดอีกเรื่องแกเรียนได้เกรดไม่ดีเรื่องทำห้องนอนรก
>แต่ยังไงไม่รู้สิวันนี้พ่อกลับอยากนั่งลงตรงนี้กับแก
>อยากบอกว่าแกมีค่ากับพ่อมากแค่ไหนนอกจากแม่แกแล้ว
>ก็มีแกนี่แหละที่เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตพ่อ
>แกเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยมเลยแหละแล้วพ่อก็รักแกนะ...
>>>>เด็กหนุ่มผู้ตื่นตะลึงเริ่มสะอื้น...แล้วก็สะอื้น...
>เขาไม่อาจหยุดร้องไห้ร่างสั่นเทาไปทั้งตัว
>เขาเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อแล้วกล่าวทั้งน้ำตา
>>>>พ่อครับ เมื่อตอนเย็นผมอยู่บนห้องนั่งเขียนจดหมายถึงพ่อกับแม่
>เพื่ออธิบายว่าทำไมผมถึงฆ่าตัวตายแล้วก็ขอให้พ่อยกโทษให้ผม
>ผมตั้งใจจะฆ่าตัวตายคืนนี้ตอนพ่อหลับผมคิดว่าพ่อไม่เคยแคร์ผมเลย
>จดหมายอยู่บนห้องครับแต่ผมคิดว่าผมคงไม่ต้องการมันแล้วล่ะ"
>>>>พ่อของเด็กหนุ่มเดินขึ้นไปบนห้องพบจดหมายข้อความสะเทือนใจ
>บรรยายถึงความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน
>จดหมายฉบับนั้นจ่าหน้าถึงพ่อกับแม่
>>ชายผู้เป็นเจ้านายกลับไปที่ทำงานอย่างเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
>เขาเลิกเป็นคนขี้โมโหแต่จะพยายามทำทุกวิถีทาง
>เพื่อให้พนักงานใต้บังคับบัญชารู้ว่าพวกเขามีค่าอย่างไรบ้าง
>>>>ส่วนชายผู้เป็นนักบริหารระดับรองก็ช่วยให้คำแนะนำเด็กหนุ่มอื่นๆ
>ต่อมาอีกหลายคนเรื่องการวางแผนอาชีพในอนาคต
>แล้วก็ไม่เคยลืมบอกเด็กเหล่านั้นว่าแต่ละคนมีคุณค่าต่อชีวิตเขา
>อย่างไรบ้าง
>>หนึ่งในนั้นก็คือเด็กหนุ่มลูกชายเจ้านายเขา
>ส่วนเด็กหนุ่มกับเพื่อนร่วมชั้นก็ได้เรียนรู้บทเรียนที่มีค่าเรื่องหนึ่งนั่นคือ
>เราต่างเป็นคนที่มีคุณค่า...ด้วยกันทั้งนั้น
>>คุณไม่จำเป็นต้องส่งเมล์ฉบับนี้ต่อให้ใครแม้แต่คนเดียว..
>อย่าว่าแต่สองคนหรือสองร้อยคนเลยสำหรับฉัน(ผู้เขียนเรื่องนี้)
>คุณอาจจะลบเมล์ฉบับนี้ทิ้งแล้วไปเปิดดูเมล์ฉบับต่อไป
>แต่ถ้าคุณมีใครสักคนที่มีความหมายกับคุณมาก
>ฉันขอสนับสนุนให้คุณส่งข้อความนี้ไปให้เขาหรือเธอผู้นั้น
>เพื่อให้เขาได้รับรู้ความรู้สึกของคุณคุณไม่มีทางรู้หรอกว่า...
>การให้กำลังใจเล็กๆ น้อยๆมีคุณค่าแค่ไหนกับคนสักคน
>>>ส่งเรื่องนี้ไปยังคนทุกคนที่คุณเห็นว่ามีความหมายต่อคุณมีความสำคัญต่อคุณ
>หรืออาจส่งไปให้คนหนึ่ง..สอง..หรือสามคนที่มีความหมายต่อคุณมากที่สุด
>หรือคุณอาจจะแค่ยิ้มที่ได้รู้ว่ามีใครบางคนคิดว่าคุณเป็นคนสำคัญ
>ไม่งั้นคุณก็คงไม่ได้รับเมล์ฉบับนี้แต่แรก
>>>จำไว้นะฉันให้ริบบิ้นสีฟ้าแก่คุณแล้ว....

วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

ประวัติส่วนตัว

ชื่อนางสาวจิตรรัตน์ดา ศิรินอก
ชื่อเล่น ปู
เกิดวันที่ 15 มกราคม 2526
จบการศึกษาระดับปริญญาตรี บริหารธุรกิจ (การตลาด) จากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เมื่อปีพ.ศ. 2548
ปัจจุบันกำลังศึกษา